ดูหนังออนไลน์ทุกแนว ชมฟรี หนังใหม่ หนังดัง อัพเดทล่าสุด
Akeelah and the Bee (2006) อาคีลาห์ อัจฉริยะก้องโลก เป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกหนของสองดาราผิวสียอดฝีมืออย่าง แองเจล่า บาสเซท และ พ่อมอร์เฟียส แห่ง The Matrix หรือ ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น จริงๆแล้วสองคนนี้เล่นหนังมาเยอะมากหลากหลายแนว ก็เพราะอย่างที่ทราบๆว่า ดาราผิวสีไม่ค่อยมีตัวเลือกให้เอามาใช้งานได้มากนักหรอก บางทีเราถึงได้เห็นเขาโผล่มาเล่นในหนังหลากหลายแนวทางอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าจำไม่ผิด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่กลับมาเล่นหนังประชันกัน โดยเรื่องก่อนหน้านี้ก็คือ What loves got to do with it ซึ่งเป็นหนังอัตตชีวิตประวัติของนักร้องดัง ทีน่า เทอร์เน่อร์ ซึ่งหนังเรื่องนั้นส่งผลให้ทั้ง บาสเซทท์ และ ฟิชเบิร์น เข้าชิงออสการ์สาขาดารานำกันทั้งคู่ แม้จะพลาดไปอย่างน่าเสียดายก็ตามที !! กลับมาคราวนี้ทั้งคู่ไม่ได้มาเพื่อจะเล่นบทนำปะทะกันหรอกนะครับ แต่เค้ามารับบทสมทบตัวสำคัญเพื่อส่งให้เจ้าหนูเด็กดารานำของเรื่องนี้ส่งประกายเจิดจรัสเป็นดาวดวงใหม่ของวงการหนังผิวสี
………….อาคีลาห์ อัจฉริยะก้องโลก เป็นหนังเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงอัฟริกัน อเมริกัน หรือพูดง่ายๆก็คือเด็กผิวดำนั่นแหละครับ ผู้มีความสามารถท่องจำศัพท์ในระดับอัจฉริยะ โชคดีที่อาจารย์เค้าเห็นแววก็เลยนำมาสนับสนุน ส่งเสริม แล้วก็ส่งเข้าแข่งขันระดับโรงเรียน และมุ่งสู่ระดับชาติต่อไป จากเด็กที่ฐานะไม่ดี เกือบจะมีปัญหาทางบ้าน โรงเรียนยากจน ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต กีฬาอย่างท่องจำศัพท์สะกดคำเนี่ย จะทำให้เธอค้นพบที่ทางของตัวเองได้หรือเปล่า ? เธอจะมีอนาคตเช่นไร และมีความมุ่งหวังเช่นใดในชีวิต คือสิ่งที่คุณจะพบในหนังเรื่องนี้ !! ลอเรนส์ ฟิชเบิร์น เล่นเป็น ศจ.ดร. ลาราบีย์ โค๊ชและผู้สนับสนุนหนู อาคีลาห์ ส่วน บาสเซท เล่นเป็นแม่จอมเฮี้ยมของหนูอาคีลาห์ครับ .. ก่อนดูหนังยังคิดเลยว่า กีฬาอย่างแข่งสะกดคำศัพท์เนี่ยนะ จะเล่าออกมาเป็นหนังสนุกๆได้ไง อย่าว่าแต่สนุกเลยครับ จะเล่าออกมาเป็นหนังได้ไงให้มันไม่น่าเบื่อ มันน่าจะออกมาเป็นหนังสารคดีมากกว่าซะด้วยซ้ำ
………….แต่แล้วหนังเรื่องนี้ก็สมราคาที่นักวิจารณ์หลายต่อหลายคนชื่นชมไว้ครับ เพราะหนังมันสนุก เพลิดเพลิน และมีอะไรให้เราสัมผัส ได้อิน ได้มีส่วนร่วมไปกับเรื่องราวได้จริงๆครับ เพราะมันไม่ได้มีแค่แข่งสะกดคำอย่างเดียว มันเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่เกือบแตกสลาย แต่ได้ความมุมานะของลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเป็นคนหัวดีที่สุดในบ้าน ( หรือเปล่าไม่แน่ใจ ) เป็นตัวจุดประกายให้คนรอบตัวเกิดความมีส่วนร่วมขึ้นมาได้ มันทำให้เราเห็นว่า ความมุมานะตั้งใจจริงของเด็กเล็กๆคนนึง ส่งผลต่อผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนใกล้ชิด และคนในสังคมได้มากมายแค่ใหน ? ดูแล้วบางคนอาจจะอายเด็กกันเลยทีเดียว หนังไม่มีผู้ร้ายนะ แต่ก็มีอุปสรรคหลายๆอย่างให้หนูอาคีลาห์ได้ฟันฝ่า แล้วเราก็อดที่จะลุ้นไปกับเธอไม่ได้ !! ดูแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่า เออ แล้วตอนเรา 11 ขวบเนี่ยเราทำอะไรอยู่ เรามุ่งมั่นในการเรียนหรือการหาความรู้ หรือการต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคได้อย่างน้องเค้าหรือเปล่า ว่าแล้วก็นึกถึงสมัยเด็ก ผมเคยไปเข้าแข่งขันตอบปัญหาทางพุทธศาสนาเหมือนกันนะ มีการติวเข้มก่อนลงแข่งด้วย ได้รางวัลชมเชยมา ได้ตังค่าขนมมา 500 บาทด้วยแหละ อิอิ .. เห็นหน้าตาผมแบบนี้ ธรรมะธรรมโมะนะเออ !!
………….ความฉลาดของหนังก็คือ หนังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การแข่งขัน และผลของการแข่งขัน แต่ไปเน้นที่เรื่องราวการต่อสู้ของตัวเด็กๆ คู่แข่ง อุปสรรค รวมถึงเพื่อนๆรอบข้างที่มีอิทธิพลต่อตัวนางเอก โดยแซมการแข่งขันเข้ามาแบบหอมปากหอมคอ ในลีลาจังหวะที่ถูกช่วง ภาพของเด็กอายุ 11 ที่คิดเป็น ทำเป็น นั่งศึกษาหาความรู้หน้าคอม ถือพจนานุกรมเล่มเป้งๆมาศึกษา วิ่งเต้นหาอาจารย์มาช่วยสอนพิเศษให้ แล้วมามองย้อนดูเด็กไทยบ้างสิครับ เด็กๆบ้านเราทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ? มีกระบวนการทางความคิดเป็นอย่างไรกันบ้าง ? ทำไมปีพุทธศักราชปัจจุบันเนี้ย ๒๕๕๑ เนี่ย ยังเห็นเด็กวัยรุ่นจำนวนมาก ออกไปเย้วๆๆก่อม๊อบกับไอ้พวกพันธมารชาติชั่วเลย เนี่ยมันกำลังบอกว่า ระบอบความคิดของเด็กวัยรุ่นหรือเด็กไทย มันต่ำมาตรฐานไปมาก คือนอกจากเด็กไทยส่วนใหญ่จะโง่ แล้วชั่วอีก ยังไม่ทันโตก็ช่วยกันผลาญทำลายชาติแล้ว โตขึ้นมันจะเหี้ยถึงขนาดใหน ก็คิดเอาเองละกัน ? กลับมาถึงหนังบ้าง นอกจากเราจะได้เห็นการแข่งขันด้านการศึกษาที่สนุกๆแล้ว เรายังได้เห็นความงดงามหลายๆอย่างในหนัง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพของเพื่อนฝูง แม้แต่มิตรภาพในหมู่บรรดาผู้เข้าแข่งด้วยกัน ได้เห็นสปิริตนักกีฬา ที่หาไม่ค่อยได้ในบ้านเรา ? ของเค้ามีตัวอย่างดีๆให้เด็กดู ของบ้านเรามีแต่ตัวอย่างเลวๆให้เด็กดู แล้วเด็กมันจะโตมาเป็นคนดีได้อย่างไร ? รวมถึงความรักกุ๊กกิ๊กๆของเด็กๆในหนังก็ดูน่ารัก ไม่เกินเลย สรุปว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าน้ำดีอีกเรื่องที่อยากชวนให้หามาดูกันครับ